ข่าวประชาสัมพันธ์

จากสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย

ข่าวเช้า 21 พฤศจิกายน 2564

มท.1 มอบรางวัล “ผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง” ประจำปี 2564 เน้นย้ำ บทบาทภาครัฐและภาคเอกชนต้องจับมือกันร่วมกันดูแลผู้อ่อนด้อยในสังคม ให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพและสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

วันนี้ (21 พ.ย.64) เวลา 11.00 น. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบรางวัล “ผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ภายใต้แนวคิด “Connect the Dots : Design the Future” รวมพลัง สร้างสรรค์ อนาคต โดยมี นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ได้รับรางวัล คณะกรรมการและสมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานและเลขานุการหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมพิธี

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รางวัลสำเภาทองเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติ ซึ่งหอการค้าไทยได้ดำเนินการ ให้เกียรติกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยพิจารณาจากการขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่ร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในพื้นที่ที่จะทำให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายและความประสงค์ของคนในพื้นที่  ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และธนาคาร เป็นความร่วมมือทั้งสองฝ่าย ระหว่างรัฐและเอกชน ที่จะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดำเนินไปได้ ผู้ประกอบการสามารถประกอบการเดินไปได้ ด้วยการสนับสนุนภาคเอกชนตามอำนาจหน้าที่และระเบียบ กฎหมายตอบสนองตามบริบทของพื้นที่ ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (กรอ. จังหวัด) คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) และคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก) เป็นต้น

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญของการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในปัจจุบันนั่นคือ การช่วยกันดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางและผู้ที่ด้อยโอกาสทางสังคม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ขับเคลื่อนกลไกศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ตั้งแต่ระดับนโยบายไปถึงระดับพื้นที่ โดยจัดทีมข้าราชการลงไปดูแล ติดตาม และแก้ไขปัญหาคนยากจน กลุ่มเป้าหมายประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งได้มีการประชุมเตรียมการและซักซ้อมไปแล้ว โดยทีมปฏิบัติการระดับตำบลจะลงไปสำรวจ รวบรวมสภาพปัญหา และกลับมาวางแผนว่าจะแก้อย่างไร ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งรายได้ การศึกษา สุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ การเข้าถึงบริการภาครัฐ และปัญหาอื่น ๆ ทั้งหมดทุกเรื่อง ซึ่งในช่วงเวลานี้ทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ด้านต่าง ๆ ทั้งโรคโควิค-19 เศรษฐกิจ การส่งออก และภัยพิบัติ ดังนั้น กลไกภาครัฐและภาคเอกชน จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะสามารถลงไปช่วยดูแลพี่น้องประชาชน เราต้องช่วยประคองสังคมกันไป ถ้าเราจับมือกันไปช่วยกันดูคนที่อ่อนด้อยได้จะเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในยามนี้ และในอนาคตข้างหน้า

สุดท้าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณหอการค้าไทย ที่ได้ดำริรางวัลสำเภาทอง และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 11 ปี และขอแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับรางวัลสำเภาทอง ปี 2564 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการในพื้นที่ที่ลงไปถึงระดับหมู่บ้านจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันดูแลคนในสังคม โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพและสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ ขอให้เราช่วยกันดูแลให้เขายืนอยู่ได้ ถ้าเราไม่ทิ้งกัน ก็จะเดินหน้าไปได้ เราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบรางวัลสำเภาทองแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ผ่านการพิจารณาผลงาน จำนวน 21 ราย ได้แก่
1. พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่
2. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
3. นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
4. นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย)
5. นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง
6. นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตาก)
7. นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
8. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
9. นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
10. นายภาณุ แย้มศรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
11. นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา
12. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
13. นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร
14. นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี
15. นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
16. นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
17. นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย (รับรางวัลเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร)
18. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
19. นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย
20. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี
21. นายสยาม สิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี

“รางวัลสำเภาทอง” เป็นรางวัลที่หอการค้าไทยริเริ่มจัดขึ้น ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 11 ปี เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนผ่านกลไกหอการค้าจังหวัด เป็นการเชิดชูผลงานและแสดงถึงความขอบคุณแด่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้ความสำคัญและดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ มีหลักเกณฑ์การพิจารณาผู้ว่าราชการจังหวัดรางวัลสำเภาทองใน 4 มิติ คือ 1) มิติด้านความร่วมมือและการมีส่วนร่วม 2) มิติด้านการสนับสนุนการดำเนินงานของหอการค้าจังหวัด 3) มิติด้านการบริหารราชการจังหวัด และ 4) มิติด้านความสัมพันธ์และทัศนคติ