ข่าวประชาสัมพันธ์

จากสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย

ข่าวเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2566

มท.1 ประชุมร่วม สตช. มุ่งมั่นบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน

วันนี้ (25 ธ.ค. 66) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี ชรินทร์ โกพัฒน์ตา พลตำรวจตรี วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บริหารกรมการปกครอง ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้ร่วมมือสนับสนุนการทำงานกับกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดตามบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายของทั้ง 2 หน่วยงาน โดยเน้นย้ำว่า "ร่วมกัน" อันจะทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะเป็น Law Enforcer (ผู้รักษากฎหมาย) เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่า ประเทศของเรามีกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตนอยู่ภายใต้กฎหมาย และมีผู้รักษากฎหมายปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งเป็นนโยบายหลักของกระทรวงมหาดไทยภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำหนดและให้ความสนใจติดตามงานมาโดยตลอด เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ทั้งการข่มขู่คุกคาม เรื่องอาวุธปืน การค้ายาเสพติด การเปิดสถานบริการ สถานบันเทิงที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ดังนั้น "การทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขเป็นเรื่องที่สำคัญมากและต้องปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จให้ได้" ทั้งนี้ ในเรื่องของการจัดระเบียบสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เราได้มีการผ่อนปรนให้สถานบริการที่มีใบอนุญาต สามารถเปิดให้บริการในพื้นที่ที่มีการกำหนดโซนนิ่งให้เปิดบริการได้ถึง 04.00 น. ใน 5 จังหวัด/พื้นที่ คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะพื้นที่อำเภอเกาะสมุย) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งการจัดระเบียบสังคมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากที่สุดต้องอาศัย 3 องค์ประกอบที่ต้องให้ความร่วมมือกัน คือ 1) ผู้ประกอบการสถานบริการ 2) นักเที่ยว และ 3) ผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานพบว่า นโยบายสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้จริง และปฏิบัติตามระเบียบได้จริง ซึ่งเป็นการดำเนินการระยะสั้น เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลังจากนี้ ในระยะยาว เราจะทำให้ฝนตกทั่วฟ้า เราต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม

"สำหรับในเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หากเป็นอิทธิพลเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเป็นสิ่งที่รับได้ แต่ที่พบที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่เป็นอิทธิพลที่มีการคุกคาม ข่มขู่ ข่มเหงชาวบ้านรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำที่ผิดกฎหมาย ที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องร่วมกันในการกำจัดและควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน รวมถึงเรื่องยาเสพติดและการปราบปรามอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย ได้สนธิกำลังร่วมกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมี Spirit ที่ดี เราปราศจากความระแวงซึ่งกันและกัน และขอยืนยันว่า ทั้งฝ่ายปกครองผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และตำรวจผู้มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ต่างฝ่ายจะทำงานแยกกันไม่ได้ เราทำงานเป็นเนื้อเดียวกันด้วยความเข้มแข็ง ไม่เลือกปฏิบัติและรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพสูงสุด อันเป็น "พลัง" ที่จะทำให้คนคิดทำชั่ว คนทำผิดกฎหมายเกิดความหวั่นเกรงและยับยั้งชั่งใจและคิดหนักมากที่จะทำผิดต่อไป เราคือรัฐ ดังนั้น เราจะปล่อยให้คนพวกนี้มีอำนาจ มีอิทธิพล มีความสามารถในการข่มเหงประชาชน หรือทำความไม่สงบให้กับบ้านเมืองไม่ได้เป็นอันขาด "ผมเห็นการทำงานของพวกเราที่เป็นพี่น้องกัน และเมื่อมหาดไทยและตำรวจสนธิกำลังร่วมกัน ประชาชนเห็นก็จะรู้สึกว่าอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย มีความมั่นใจ และเราจะทำให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังและยั่งยืนเพื่อประชาชน" นายอนุทินฯ กล่าวเพิ่มเติม

พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ นโยบาย Quick Win ของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครองได้หารือคุยกันในระดับนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผู้ปฏิบัติทุกระดับได้ขับเคลื่อนร่วมมือกันถือเป็นมิติที่ดี เป็นการช่วยเหลือตำรวจในปัจจัยที่เป็นปัญหาอุปสรรคคือเรื่องกำลังพล เพราะผู้ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามมีแค่หลักหมื่นนาย โดยฝ่ายปกครองจะทำให้กำลังพลน้อยกลายเป็นกำลังพลมาก ทั้งเรื่องสถานบริการ อาวุธปืน และการตั้งชุดปฏิบัติการ

"การที่มีฝ่ายปกครองเดินทำ ตำรวจเดินด้วย ตำรวจเดินทำ ฝ่ายปกครองเดินด้วย เป็นภาพที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นต้นไป โดยมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและแจ้งเหตุให้ตำรวจลงไปปฏิบัติ ซึ่งหลังจากนี้จะนำไปสู่ "การตั้งคณะทำงานร่วมกัน" และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกันในอนาคต โดยที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องการควบคุมอาวุธปืน การจัดระเบียบสังคม การปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เราได้มีการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ทั้งด้านการสืบสวนปราบปราม การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด รวมถึง "โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ" ที่ต้องบูรณาการทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตชด. ต้องเป็นทีมบูรณาการด้านการข่าว สแกนหาผู้เสพยาเสพติดไปบำบัดรักษา และเราต้องการข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดในชุมชน เพื่อตัดผู้ค้ารายย่อย โดยที่ผ่านมา รัฐบาล ตำรวจ ป.ป.ส. ได้ควบคุมพื้นที่ที่เป็นจุดสกัดนำเข้าลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และนครพนม ทำให้ผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถเข้ามายังประเทศเราได้ และล่าสุดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้มีการจับยาเสพติดได้ 50 ล้านเม็ด ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนจับได้ 30,000 เม็ด ซึ่ง 50 ล้านเม็ด เกิดจากการขยายผล และเราจะควบคุมพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนอย่างเข้มแข็งเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ควบคู่กับการค้นหาผู้ป่วยทางจิตเวช โดยฝ่ายปกครองและตำรวจต้องช่วยกันสแกนหาผู้ป่วยจิตเวช และผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย และด้วยความร่วมมือ สนับสนุน และช่วยเหลือของฝ่ายปกครอง ท้ายที่สุดตำรวจจะสามารถดำเนินการจับกุม และดำเนินการจากมาตรการเบาไปหาหนัก ทั้งผู้ค้า ผู้เสพ และผู้ป่วยจิตเวช รวมถึงเรื่องการจัดระเบียบสังคม ผู้ประกอบการต้องกำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานบริการต้องตรวจสอบผู้ใช้บริการอย่างเคร่งครัด ทั้งการห้ามเด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการ ห้ามมียาเสพติดและอาวุธปืนเด็ดขาด และขอเน้นย้ำว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ต้องเข้าหาผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมือง ไปหารือทุกเรื่องเพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วย ตำรวจและฝ่ายปกครองจะร่วมกัน เดินไปด้วยกัน เข้าไปตรวจค้นจับกุมร่วมกัน สร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนให้กับประชาชน ตำรวจไม่เคยลืมมหาดไทย และเราจะทำงานร่วมกันในการสนองนโยบายรัฐบาลอย่างใกล้ชิด" พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า งานทุกอย่างแก้ได้ด้วยการบูรณาการ ทั้งนี้ มหาดไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ทุกตำบล/หมู่บ้านยั่งยืน ทั้งนี้ มหาดไทยมี "ทีมอำเภอ" ที่เกิดจากการรวมกันระหว่างนายอำเภอและผู้กำกับการสถานีตำรวจ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ที่สามารถเป็นกลไกร่วมกัน ทำให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1,195/2566
วันที่ 25 ธ.ค. 2566