ข่าวประชาสัมพันธ์

จากสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย

ข่าวเช้าวันที่ 15 ธันวาคม 2565

รมว.มหาดไทย ตอบกระทู้กรณีเอกชนปิดทางสัญจรโรงเรียนเกาะหลีเป๊ะ สร้างความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่ ย้ำ “ไม่ได้นิ่งนอนใจ” พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 65 ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา เกียกกาย กรุงเทพฯ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ถามชี้แจงประเด็นเรื่องเอกชนปิดกั้นเส้นทางสาธารณะประโยชน์ที่เกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล จ.สตูล จากเหตุข้อพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินและชาวบ้านในพื้นที่ มีการนำเหล็กมาปิดกั้นเส้นทางสัญจร ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรที่นักเรียนใช้เดินเข้าโรงเรียน ส่งผลทำให้นักเรียน ชุมชน และนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) บนเกาะหลีเป๊ะแปลงที่มีประเด็นเรื่องทางเข้า-ออก โรงเรียนนั้น เป็นเดิมเป็นที่ดิน ตามเอกสารแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) อยู่แล้ว และต่อมาได้มีการออกเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งผู้ครอบครองปัจจุบันเป็นทายาทของผู้แจ้ง ส.ค. 1 โดยในส่วนของที่ตั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนเกาะหลีเป๊ะตั้งอยู่ในที่ดิน น.ส. 3 แปลงนี้ซึ่งเป็นส่วนที่เจ้าของที่ดินเดิมได้บริจาคให้เพื่อสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาล เจ้าของที่ดินปัจจุบันมีความประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินทั้งในส่วนที่ตั้งโรงเรียน รพ.สต. และแบ่งตามสิทธิของตนเอง จึงได้ขอให้สำนักงานที่ดินเข้าไปรังวัดและดำเนินการ แต่เจ้าหน้าที่รังวัดถูกคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่สืบเนื่องจากข้อพิพาทในอดีต ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการ ขณะนี้ได้กำหนดวันรังวัดอีกครั้งไว้แล้ว ดังนั้น ปัจจุบันที่ดินแปลงนี้จึงยังไม่มีการแบ่งแยกที่ดินแต่อย่างใด ในที่ดินแปลงนี้มีคดีความที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลด้วย .

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ปิดกั้นทางเข้า-ออกโรงเรียน และประชาชนได้รับความเดือดร้อน หน่วยงานราชการ นำโดยท่านนายอำเภอเมืองสตูล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าไปดำเนินการไกล่เกลี่ยกับเจ้าของที่ดินให้เปิดทางสัญจรดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและนักเรียนในพื้นที่สามารถสัญจรผ่านได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้เจ้าของที่ดินได้ยินยอมให้ใช้เส้นทางนี้แล้ว สำหรับในเรื่องการดำเนินคดี ก็ต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป” มท.1 กล่าว

พลเอก อนุพงษ์ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะราษฎรในพื้นที่ที่ได้มีการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ไว้จำนวนทั้งหมด 41 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นราษฎรสกุลหาญทะเลซึ่งเป็นราษฎรชุดแรกที่มีการเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่ พ.ศ. 2452 ซึ่ง ส.ค. 1 จำนวน 41 ฉบับ ดังกล่าว มีการนำมาออกเป็นที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน (น.ส.3) แล้ว จำนวน 26 ฉบับ และยังคงเป็นที่ดิน ส.ค.1 อีก 23 ฉบับ ประเด็นปัญหาในเรื่องนี้เกิดมาจากข้อพิพาทของผู้มีเอกสารสิทธิซึ่งเป็นคนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเอง นอกจากนี้ เรื่องข้อพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะก็ไม่ได้มีเฉพาะที่บริเวณดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากในปี พ.ศ. 2517 ทางราชการได้ประกาศให้พื้นที่หมู่เกาะหลีเป๊ะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ก็เกิดข้อพิพาทของผู้ถือเอกสารสิทธิกับทางภาครัฐด้วย รวมทั้งข้อพิพาทระหว่างผู้มีเอกสารสิทธิกับราษฎรที่เข้ามารุกล้ำพื้นที่ สร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาเรื่องการครอบครองที่ดินมีจำนวนมาก เพราะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นบางส่วนไม่มีการแจ้งจดสิทธิการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข กรมที่ดินในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเข้าไปดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยในส่วนที่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาล กรมที่ดินไม่มีหน้าที่ในพิจารณาและตัดสินเรื่องดังกล่าวได้ และขอยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่มีเอกสารสิทธิตามกฎหมา