ข่าวประชาสัมพันธ์

จากสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย

ข่าวเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2565

นายกฯ ควง มท.1 ลงพื้นที่ ตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ดูแลทั้งการดำรงชีพและการรักษาพยาบาล

วันนี้ (6 ต.ค.65) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นางพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และนายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมี นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับและรายงานข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

นายกรัฐมนตรีและคณะ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ซึ่งจากสถานการณ์อุทกภัยของพายุ “โนรู” ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร โดยความเสียหายในเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 10 อำเภอ 89 ตำบล 696 หมู่บ้าน รวม 20,647 ครัวเรือน โดยพื้นที่ด้านการเกษตรได้รับผลกระทบจำนวน 8 อำเภอ 84 ตำบล 707 หมู่บ้าน พืชผลการเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 173,086 ไร่ ชาวประมงได้รับผลกระทบ จำนวน 917 ราย ในพื้นที่ 1,112.68 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีถนนได้รับความเสียหาย จำนวน 34 เส้นทาง สะพานได้รับความเสียหาย จำนวน 9 แห่ง สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ จำนวน 1 แห่ง ซึ่งในปัจจุบันยังมีสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอหนองไผ่ อำเภอชนแดน อำเภอบึงสามพัน และอำเภอเมืองเพชรบูรณ์

อย่างไรก็ตาม จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในทุกด้าน ทั้งด้านการดำรงชีพ ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ด้านการเกษตร และด้านบรรเทาสาธารณภัย โดยได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ 2560-2570 ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเอกชน สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้วในพื้นที่ 10 อำเภอ 89 ตำบล 696 หมู่บ้าน 1 เทศบาล 8 ชุมชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังหมู่ที่ 11 ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมเยือนบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ณ ซอยศรีสะอาด และเดินทางไปยังเทศบาลเมืองหล่มสัก เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำป่าสัก พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจเทศบาลเมืองหล่มสัก ณ สวนสาธารณะดงตาล เทศบาลเมืองหล่มสัก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดูแลพื้นที่น้ำท่วม เน้นย้ำการดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องนำมาอยู่ในที่ปลอดภัยและจัดให้มีผู้ดูแลอย่างดี ทั้งด้านการดำรงชีพและการรักษาพยาบาล รวมถึงให้วางระบบการไปเยี่ยมให้กำลังใจเป็นระยะ ๆ ด้วย ส่วนพื้นที่น้ำไม่ท่วมก็กำชับให้หน่วยงานติดตามดูแลด้วย

ด้าน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ดำเนินการตามข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงการวางแผนเตรียมความพร้อม ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังสถานการณ์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้น้อยที่สุด และให้ดำเนินการเข้าตรวจเยี่ยมและดูแลผู้ป่วยติดเตียง อย่าให้ถูกทิ้งไว้ในบ้านตามลำพังในขณะน้ำท่วม ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการติดต่อขอรับความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุสาธารณภัย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วนนิรภัย โทร.1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง