ข่าวประชาสัมพันธ์

จากสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย

ข่าวเช้าวันที่ 13 สิงหาคม 2565

มท.1 เปิดเผย นายกห่วงใย ปชช. สั่งการ ปภ. ประสานจังหวัดดูแลประชาชนอย่างเต็มกำลัง – เร่งคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว

วันนี้ (13 ส.ค. 65) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้กำชับ ปภ. ประสานจังหวัดและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนภัย การเผชิญเหตุ การอพยพ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบภาวะฝนตกหนักอย่างเต็มกำลัง เน้นดูแลด้านการดำรงชีพและความปลอดภัยของประชาชน ด้าน ปภ. รายงานสถานการณ์ล่าสุด ยังมีน้ำท่วมขังใน 2 จังหวัด (เชียงรายและน่าน) ซึ่งได้ประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องแล้ว

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากพายุมู่หลานที่ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุมู่หลาน และได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ การแจ้งเตือนประชาชน การเผชิญเหตุและการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน โดยได้สั่งการเน้นย้ำการดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานจังหวัดและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนภัย ผ่านระบบหอเตือนภัยในพื้นที่ การเผชิญเหตุ การอพยพ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะเป็นจุดรองรับน้ำและพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ให้ ปภ. บูรณาการจังหวัดเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมปฏิบัติการในพื้นที่ นำชุดปฏิบัติการและเครื่องสูบน้ำจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำในพื้นที่เสี่ยงไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้คลี่คลายลงแล้ว แต่ยังได้สั่งการให้พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขัง โดยเฉพาะบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน พื้นที่ชุมชนและพื้นที่เขตเศรษฐกิจ เร่งแก้ไขปัญหาและระบายน้ำโดยเร็วที่สุด ส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่ และสำรวจประเมินความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้แจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนผ่านหอเตือนภัยที่ได้ติดตั้งเพื่อแจ้งสถานการณ์ในพื้นที่และให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตภาคเหนือนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าสนับสนุนจังหวัดที่ประสบภัยในการแก้ไขปัญหา เร่งระบายน้ำ และให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ภาพรวมในวันนี้ (13 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น.) เกิดอุทกภัยในพื้นที่รวม 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ พิษณุโลก นครพนม เลย และปราจีนบุรี 34 อำเภอ 104 ตำบล 592 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5,477 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (เชียงราย) ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ เชียงราย น่าน รวม 3 อำเภอ 13 ตำบล 105 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,356 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ต้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำทะเลหนุนสูง ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง

“จากการติดตามสถานการณ์ พบว่า หลายจังหวัดระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่องและคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยสถานการณ์น้ำในจังหวัดน่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตัวเมืองน่านและอำเภอเวียงสา ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำปิง จะไม่ส่งผลกระทบต่อเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำชับให้ ปภ.จังหวัด และศูนย์ ปภ.เขต เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมขัง และจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดูแลด้านการดำรงชีพ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของจังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ปภ. ได้จัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับหน่วยงาน ในพื้นที่ เข้าฟื้นฟูและทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชนให้กับสู่สภาพปกติ รวมถึงลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งในด้านการเกษตรและพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต่อไป” พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยและสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”